สิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับคะแนน TOEIC
ความจริงที่ควรทราบคือ คะแนนของทักษะด้านการอ่าน และ การฟังของ TOEIC ไม่ใช่ตัวชีวัดถึงความสามารถด้านการพูด และ การเขียนภาษาอังกฤษธุรกิจที่น่าเชื่อถือนัก ซึ่งผมได้เห็นความถึงข้อเท็จจริงนี้ด้วยตนเอง จากการใช้ข้อสอบของ TOEIC ควบคู่ไปกับข้อสอบด้านการพูด และ การเขียนของที่อื่นๆ ที่ได้ให้บริการอยู่ในเมืองไทย แต่อย่าเพิ่งเชื่อผมนะครับ! เนื่องจากการวิจัยอิสระ ได้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ในระดับต่ำ ระหว่างคะแนนในสอบพูด และ เขียน กับคะแนนในการสอบอ่าน และ ฟัง ของ TOEIC

 

TOEIC เป็นข้อสอบภาษาอังกฤษธุรกิจที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในประเทศไทย มีการใช้สอบเพื่อวัดระดับภาษาอังกฤษในการทำงานอย่างแพร่หลาย บริษัทส่วนมากที่ใช้ข้อสอบด้านการอ่านและการฟังของ TOEIC จะไม่ได้ใช้ข้อสอบอื่นเพื่อวัดทักษะการพูดและเขียนของพนักงาน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะ ETS ซึ่งเป็นผู้คิดค้นการทดสอบ TOEIC ได้กล่าวไว้ว่า TOEIC นั้นสามารถวัดได้ทั้งทักษะการพูดและการเขียนในทางอ้อม นั่นเอง แน่นอนว่าหากต้องการทดสอบเพิ่มเติมก็หมายถึงค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้อ่านจนจบแล้ว คุณอาจจะอยากลองพิจารณาเกี่ยวกับระบบการทดสอบภาษาและงบประมาณดูใหม่อีกครั้ง

ความจริงก็คือ การทดสอบการอ่านและฟังของ TOEIC นั้นไม่ใช่ตัวชี้วัดที่ดีสำหรับทักษะการพูดและการเขียนภาษาอังกฤษธุรกิจ ผมเองได้ประสบกับความจริงนี้ด้วยตัวเองจากประสบการณ์ 10 ปีในการใช้ข้อสอบ TOEIC ควบคู่ไปกับข้อสอบการพูดและเขียนอื่นๆ ในกรุงเทพ แต่อย่าพึ่งเชื่อเพียงเพราะคำพูดของผมนะครับ มีงานวิจัยอิสระได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงในระดับต่ำระหว่างคะแนน TOEIC กับ ความสามารถในการพูดและเขียนภาษาอังกฤษธุรกิจด้วยเหมือนกัน

จากงานศึกษาในปี 2012 ของมิชิฮิโร ฮิราอิจากมหาวิทยาลัยคานากาวาประเทศญี่ปุ่นได้ทำการเปรียบเทียบคะแนน TOEIC ของผู้สอบจำนวนประมาณ 1,500 คน กับคะแนนทดสอบการพูดและเขียนที่ได้จากข้อสอบBULATS ของมหาวิทยาลัย Cambridge1 ซึ่งข้อสอบBULATS ต้องการให้ผู้สอบ พูดและเขียนภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับชีวิตการทำงานจริงๆ ของผู้สอบเอง (กรุณาดูคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อสอบ BULATS) จากการศึกษาได้พบว่ามีความเชื่อมโยงเพียง 58% ระหว่างคะแนน TOEIC กับคะแนนในส่วนของการพูดภาษาอังกฤษธุรกิจ และ มีความเชื่อมโยงเพียง 55% ระหว่างคะแนน TOEIC กับคะแนนในส่วนของการเขียนภาษาอังกฤษธุรกิจ

ความจริงที่น่าสนใจอย่างมากจากการศึกษาครั้งนี้คือ ยิ่งคะแนนTOEIC สูงมากเท่าไร ก็จะยิ่งมีโอกาสน้อยลงในการประมวลความสามารถด้านการพูดหรือการอ่านของผู้สอบ นั่นเป็นเพราะว่าทักษะด้าน การรับรู้ (การฟังและการอ่าน) สามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องจากการได้พบเจอกับภาษาอังกฤษในแต่ละวัน แต่ทักษะด้าน การนำไปใช้ (การพูดและการเขียน) นั้นมีโอกาสได้ใช้น้อยกว่ามาก จึงพัฒนาได้ช้ากว่า

มันเป็นสิ่งที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า ภาษาอังกฤษระดับปลานกลางค่อนข้างสูงของทักษะการพูดและการเขียน (ระดับ B2 ตามตาราง CEFR2) นั้น ถือเป็นระดับภาษาขั้นต่ำที่ต้องการ เพื่อใช้สื่อสารในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาษาอังกฤษระดับ B2 ของทักษะด้านการพูด และ การเขียน จะมีคะแนนเต็มอยู่ที่ประมาณ 66% ของการสอบ ซึ่งเทียบเท่า 66% ของคะแนน TOEIC หรือ (650 คะแนน) ทั้งนี้ ยังขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทต่างๆ ว่าพอใจกับความสามารถในการสื่อสารของผู้สมัครแล้วหรือยัง

อย่างไรก็ตาม คนที่ได้คะแนน TOEIC ที่ 650 คะแนนนั้น มักจะสอบไม่ผ่าน ในระดับ B2 ในส่วนของทักษะด้านการพูดและการเขียน อันที่จริงแล้ว จากการวิจัยของฮาราอิพบว่าในบรรดาผู้เข้าสอบ TOEIC และได้คะแนนเกิน 800 คะแนนนั้น มีเพียง 44% เท่านั้นที่สามารถสอบได้ระดับ B2 ในส่วนของการพูด และมีเพียง 29% ที่สอบได้ระดับ B2 ในส่วนของการเขียน ที่น่าแปลกใจก็คือ แม้ว่าผู้สอบจะได้คะแนน TOEIC เต็มที่ 990 คะแนนก็ตาม แต่คะแนนการเขียนโดยเฉลี่ยกลับต่ำกว่าระดับ B2 หรือต่ำกว่ามาตรฐานขั้นต่ำ สำหรับผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษธุรกิจในการสื่อสารได้อย่างชำนาญ และ มีประสิทธิภาพ

สิ่งที่สำคัญที่ควรนำกลับไปพิจารณาจากการศึกษาในครั้งนี้คือ เมื่อพนักงานของท่านมีความจำเป็นต้องพูดและเขียนให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในสถานการณ์ที่เป็นมืออาชีพ และบริษัทของท่านกำลังลงทุนในด้านการอบรม และ/หรือ ทดสอบภาษาเพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานมีทักษะต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการทำงาน หลังจากนั้น ท่านควรใช้การทดสอบที่สามารถวัดทักษะด้านต่างๆ ที่ท่านต้องการได้จริง และน่าเชื่อถือ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BULATS จากมหาวิทยาลัย Cambridge กรุณาเข้าชมได้ที่เว็บไซต์ http://www.vantage-siam.com/.

1Cambridge BULATS (บริการข้อสอบภาษาอังกฤษธุรกิจจากมหาวิทยาลัย Cambridge) ประกอบด้วยข้อสอบออนไลน์ 3 ส่วน ได้แก่ 1. ข้อสอบทักษะด้านการอ่านและการฟังที่มีการปรับระดับความยากง่ายของข้อสอบไปตามความสามารถในการตอบคำถามของผู้สอบ 2. ข้อสอบทักษะด้านการพูดเชิงธุรกิจ และ 3. ข้อสอบทักษะด้านการเขียนเชิงธุรกิจ ทั้งนี้ ข้อสอบของทักษะด้านการอ่านและการฟังจะมีเนื้อหาของคำถามที่คล้ายคลึงกับข้อสอบ TOEIC แต่สามารถสอบเสร็จได้ ภายในเวลา 1 ชั่วโมงผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตเชื่อมต่อ ส่วนข้อสอบของทักษะด้านการพูดใช้เวลา 15 นาที ประกอบด้วย 5 ประเภทของรูปแบบคำถามจากสถานการณ์จริงที่ต้องใช้ในการพูด และ ข้อสอบของทักษะด้านการเขียนใช้เวลา 45 นาที ประกอบด้วย 2 ประเภทของรูปแบบคำถามจากสถานการณ์จริงที่ต้องใช้ในการเขียน

2 CEFR (ตารางอ้างอิงด้านภาษาของสหภาพยุโรป) คือ มาตรฐานสากลในการวัดระดับความสามารถด้านภาษาซึ่งมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย ไม่เพียงแต่วัดระดับภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภาษาอื่นๆ ที่ใช้กันในทวีปยุโรปอีกด้วย โดยแบ่งเป็น 6 ระดับ (A1, A2, B1, B2, C1, C2) พร้อมกับคำอธิบายถึงสิ่งที่ผู้สอบสามารถ “ทำได้” ในแต่ละระดับ

คุณสามารถรับชมความยอดเยี่ยมของ Cambridge English และ วีดีโอสั้นๆของ  “ มาทำความรู้จักกับ CEFR” โดยคลิกที่นี่

สามารถดาวโหลดบทความได้ที่ด้านล่าง

 

Share
 
 
© Copyright 2011 Vantage Siam Co., Ltd. All rights reserved. Power by Wewebplus